วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประเภทของบรรจุภัณฑ์

ประเภทของบรรจุภัณฑ์ 




อ้างอิงภาพจาก:http://aimy-prt.exteen.com

ประเภทของบรรจุภัณฑ์สามารถแบ่งได้หลายวิธีตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
1. แบ่งตามวิธีการบรรจุและวิธีการขนถ่าย
2. แบ่งตามความต้องในการใช้งาน
3. แบ่งตามความคงรูป
4. แบ่งตามวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้




1. ประเภทบรรจุภัณฑ์แบ่งตามวิธีบรรจุและวิธีการขนส่ง สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท
 อ้างอิงภาพ:http://bunjupun.blogspot.com

1.1 บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย (Individual Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอยู่กับผลิตภัณฑ์ชั้นแรก เป็นสิ่งที่บรรจุผลิตภัณฑ์เอาไว้เฉพาะหน่วย โดยมีความต้องการขั้นแรกคือ เพิ่มคุณค่าในการขาย (To Increase Commercial Value) เช่น การกำหนดให้มีรูปร่างพิเศษเฉพาะหรือทำให้มีรูปร่างที่เหมาะกับการจับแลสะดวกต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ข้างใน พร้อมทั้งทำให้ป้องกันผลิตภัณฑ์โดยตรงอีกด้วย
                                                                                                
อ้างอิงภาพจาก:http://bizkeen.blogspot.com
1.2. บรรจุภัณฑ์ชั้นใน (Inner Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่อยู่ถัดออกมาเป็นชั้นที่สอง มีหน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ขั้นแรกเข้าไว้ด้วยกันเป็นชุด ในการจำหน่ายรวมตั้งแต่ 2 – 24 ชิ้นขึ้นไป โดยต้องการให้ขั้นแรก คือ การป้องกันรักษาผลิตภัณฑ์จากน้ำ ความชื้น ความร้อน แสง แรงกระทบกระเทือน และสะดวกแก่การขายปลีกย่อย เป็นต้น ตัวอย่างของบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ ได้แก่ กล่องกระดาษแข็งที่ใส่เครื่องดื่มจำนวน 1 โหล,สบู่1โหล เป็นต้น
                                                                                              



 อ้างอิงภาพจาก:http://www.cmpk.co.th                      

1.3. บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด (Out Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวมขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขนส่ง โดยปกติแล้วคนที่มาซื้อจะไม่เห็นบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มากนัก เนื่องจากมีไว้ป้องกันผลิตภัณฑ์ในระหว่างส่งเท่านั้น รูปร่างของบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ ได้แก่ หีบ ไม้ ลัง กล่องกระดาษขนาดใหญ่ที่ใส่สินค้าไว้ข้างใน ข้างนอกจะบอกแค่ข้อมูลที่จำเป็นต่อการส่งเท่านั้น เช่น รหัสสินค้า (Code) เลขที่ (Number) ตราสินค้า สถานที่ส่ง เป็นต้น





                                                                                               

2. การแบ่งประเภทบรรจุภัณฑ์ตามวัตถุประสงค์ของการใช้
บรรจุภัณฑ์เพื่อการขายปลีก (Consumer Package) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่คนซื้อไปใช้ไป อาจจะมีชั้นเดียวหรือหลายชั้นก็ได้ อาจจะเป็น Primary Package หรือ Secondary Package ก็ได้
อ้างอิงภาพจาก:http://www.packagingoftheworld.com
บรรจุภัณฑ์ในการขนส่ง (Shopping หรือ Transportation Package) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้รองรับหรือห่อบรรจุภัณฑ์ เป็นตัวรวมเอาบรรจุภัณฑ์ขายปลีกเข้าด้วยกัน ให้เป็นขนาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเก็บรักษา และการขนส่ง เช่น กล่องกระดาษลูกฟูกที่ใช้บรรจุยาสีฟัน กล่องละ 3 โหล


   
  3. การแบ่งบรรจุภัณฑ์ตามความคงรูป                                                                       
3.1. บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงแข็ง (Rigid        Forms) ได้แก่ เครื่องแก้ว (Glass Ware) เซรามิคส์ (Ceramic) พลาสติกจำพวก Thermosetting ขวดพลาสติก ส่วนมากเป็นพลาสติกฉีด เครื่องปั้นดินเผา ไม้ และโลหะ มีความแข็งแกร่งทนทานสะดวกต่อการใช้งาน และป้องกันผลิตภัณฑ์อากาศภายนอกได้ดี
3.2. บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงกึ่งแข็งตัว (Semirigid Forms) ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกอ่อน กระดาษแข็งและอลูมิเนียมบาง คุณสมบัติทั้งด้านราคา น้ำหนักและการป้องกันผลิตภัณฑ์จะอยู่ในระดับปานกลาง
3.3. บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงยืดหยุ่น (Flexible Forms) ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุอ่อนตัว มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ได้รับความนิยมสูงมากเนื่องจากมีราคาถูก ( หากใช้ในปริมาณมากและระยะเวลานาน ) น้ำหนักน้อย มีรูปแบบและโครงสร้างมากมาย

4. แบ่งตามวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้
การจัดแบ่งและเรียกชื่อบรรจุภัณฑ์ในทรรศนะของผู้ออกแบบ ผู้ผลิต หรือนักการตลาด จะแตกต่างกันออกไป บรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทก็ตั้งอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์หลักใหญ่ (Objective Of Package) ที่คล้ายกันคือ เพื่อป้องกันผลิตภัณฑ์ (To Protect Products) เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ (To Distribute Products) เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ (To Promote Products)









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น